ในยุคของเทคโนโลยีที่ผู้ใช้งานมีการเชื่อมต่อกันผ่านระบบเครือข่าย และมีการรับส่งข้อมูลข่าวสารบนอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างทำงานบนระบบปฏิบัติการต่างกัน ถูกพัฒนาด้วยภาษาโปรแกรมต่างกัน หรือในสภาพแวดล้อมของระบบที่ต่างกัน แต่กลับสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างไม่มีปัญหา หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่าWeb Serviceหรือ API กันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับทั้งสองคำ รวมถึงมาดูความแตกต่างระหว่าง Web Service กับ API
Web Service เป็นบริการบนเครือข่ายเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสารระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะทำงานผ่านทาง The Hypertext Transfer Protocol (HTTP)โดยการรับส่งข้อมูลของ Web Service จะนิยมใช้รูปแบบข้อมูล XML กับ JSON ซึ่งไม่ว่าระบบจะพัฒนาด้วยภาษาโปรแกรมใดๆ ก็สามารถอ่านข้อมูลและส่งกลับได้ โดยปกติการทำงานจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server) จะเตรียมช่องทางการทำงานที่จำเป็นให้ระบบที่เป็นฝั่งไคลเอนต์สามารถดึงข้อมูลไปใช้หรือส่งข้อมูลกลับมาได้ ส่วนฝั่งไคลเอนต์ (Client) จะสามารถเรียกใช้งานส่วนต่างๆ ได้เท่าที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์เปิดช่องทางไว้ให้เท่านั้น ซึ่งการทำงานหลักๆ ที่ Web Service ฝั่งเซิร์ฟเวอร์มักจะเปิดช่องทางไว้ให้ ได้แก่ การเข้าระบบ การเพิ่มข้อมูล การแก้ไขข้อมูล การอ่านข้อมูล และการลบข้อมูล โดยฝั่งไคลเอนต์อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็ได้ที่สามารถทำงานผ่าน HTTP รูปแบบโมเดลสื่อสารของ Web Service นิยมใช้เป็น Representational state transfer (REST), Simple Object Access protocol (SOAP) และ XML-RPC
Application Programming Interface (API) เป็นช่องทางการสื่อสารคล้ายกับ Web Service แต่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บน HTTP แต่สามารถใช้สื่อสารกันได้ในระบบปฏิบัติการ ระบบฐานข้อมูล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยสามารถทำงานได้ทั้งแบบออนไลน์หรือแบบออฟไลน์ อาจจะเป็นการสื่อสารกันระหว่างซอฟต์แวร์ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รูปแบบหรือโครงสร้างของ API สามารถพัฒนาได้หลายรูปแบบและหลายภาษาโปรแกรมขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่น API ที่ทำงานในระบบปฏิบัติการ Windows ก็จะพัฒนาจากภาษา C และ C++ หรือซอฟต์แวร์ที่เป็น Office อย่าง Word Excel จะใช้ VBA และ COM API ในการสื่อสาร การเรียกใช้งาน API ต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วผู้พัฒนาจะทำเอกสารหรือคู่มือสำหรับการเรียกใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเรียกใช้ หากจะถามว่า Web Service กับ API เกี่ยวข้องกันอย่างไรนั้น เมื่อเราสร้าง API ที่ทำงานบนเว็บไซต์ จะเรียกได้ว่ามันคือ Web APIs หรือ Web Service นั่นเอง
สรุปความแตกต่างระหว่าง Web Service กับ API
Web Service ทั้งหมดเป็น API แต่ตัว API ทั้งหมดไม่ใช่ Web Service
Web Service จำกัดการทำงานอยู่บน HTTP ไม่สามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการหรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ แต่ API สามารถทำงานได้ในทุกระบบปฏิบัติการและสภาพแวดล้อม
รูปแบบการสื่อสารของ Web Service จะมีเพียงไม่กี่รูปแบบ เช่น SOAP, REST และ XML-RPC แต่ API สามารถใช้รูปแบบการสื่อสารได้หลากหลาย
Web Service จำเป็นต้องใช้ระบบเครือข่ายในการทำงาน แต่ API สามารถทำงานได้ทั้งแบบผ่านเครือข่ายและไม่ผ่านเครือข่าย
API สามารถสื่อสารกับส่วนต่างๆ ได้โดยตรงอย่างรวดเร็ว ส่วน Web Service การสื่อสารจะต้องผ่านหลายขั้นตอน รวมถึงต้องมีการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบ XML หรือ JSON ก่อนส่งข้อมูล และต้องแปลงข้อมูลกลับเมื่อจะนำไปใช้งานต่อในระบบ
AI เป็นสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยต่างโหมกระหน่ำพยายามทำให้มัน Intelligent (ฉลาด) มากขึ้นๆ จนถึงขนาดมีการนำไปทำภาพยนตร์ว่า AI จะครองโลก และมนุษย์จะไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะเราทำให้มันซุปเปอร์ฉลาดยิ่งกว่าความสามารถของมนุษย์น่ะซิ
Content Intelligence
คือการประยุกต์ใช้ AI ในการจัดการเนื้อหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจและการจำแนกประเภทเนื้อหาเพื่อปรับปรุงการกำหนดเป้าหมายและการวัดผลการดำเนินงาน
Predictive Marketing
คือการนำแอพพลิเคชั่น AI ไปใช้ในการทำการตลาดโดยปกติจะระบุกลุ่มเป้าหมายทำนายสิ่งที่พวกเขาอาจสนใจและแนะนำเนื้อหาหรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ถัดไปที่ดีที่สุด
แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะควบคุม AI โดยที่ไม่ตกงานและตกเทรนด์ล่ะ
คำตอบก็คือ คุณต้องศึกษาหาเครื่องมือ AI ที่สามารถนำมาใช้กับงานด้านการตลาด การขาย การบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ผล เพื่อเสริมศักยภาพแผนการตลาดของคุณ โดยที่คุณเป็นนายของมันและสั่งให้มันทำงานให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราขอแนะนำเครื่องมือ AI ที่จะช่วยงานการตลาดของคุณให้เป็นเรื่องง่ายในการเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจที่ทันสมัยและสร้างความมั่นใจต่อลูกค้า
อยากรู้ก็ Scroll Down……
5 แนวทางที่ AI ช่วยงานการตลาดและการขายได้อย่างเยี่ยมยอด พร้อมแนะนำเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง
หลายคนยังคงคิดว่า AI เป็นแค่วิทยาศาสตร์, เรื่องเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์, และทฤษฎีที่ใช้ในการศึกษาวิจัย แต่ที่จริงแล้ว AI ได้ถูกนำมาสร้างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว ถ้าจะเปรียบ AI กับคนก็ต้องบอกว่า AI ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ แต่เป็นเด็กที่โตไวมากๆ เพราะได้รับการอัดฉีดสารเร่งความเติบโต ก็เพราะหลายสำนักต่างทุ่มทุนในงานวิจัยเพื่อสร้างให้ AI มีความอัจฉริยะมากขี้นโตขึ้น คิดและตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ หรือแม้ตอบคำถามได้เหมือนผู้ใหญ่ และเป็นผู้ใหญ่ที่อัจฉริยะมากที่สุดคนหนึ่ง
AI ถูกนำมาสร้างให้เป็นรูปธรรมในการใช้งานได้จริงในหลายสาขาอาชีพ แต่วันนี้เราจะมาพูดเฉพาะ AI ที่สามารถนำมาใช้กับงานด้านการตลาดได้จริง พร้อมแนะนำเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดด้วยค่ะ
มาดูกันว่า 5 แนวทางที่ AI ช่วยงานการตลาดและการขายได้อย่างเยี่ยมยอดมีอะไรบ้าง และเครื่องมือที่ Shifu แนะนำมีอะไรบ้าง
จะสร้างเว็บไซด์แต่ไม่ถนัดด้านใช้โปรแกรม ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะตอนนี้ AI สามารถช่วยคุณสร้างเว็บไซด์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับแบรนด์ของคุณแบบชนิดที่เรียกว่า แค่ใส่ข้อมูลที่ต้องการ AI ก็จะช่วยออกแบบและจัดวางให้คุณอย่างสวยงามเลยล่ะ
AI ได้ถูกนำมาใช้ในการค้นหาคำหลักที่ไม่เพียงแค่วลีสั้นๆ เท่านั้น ตัวอย่างเช่น Google RankBrain ที่ทำงานด้วยระบบการค้นหาที่ทำความเข้าใจบริบทรวมทั้งเนื้อหาของไซด์ RankBrain สามารถเดาความหมายของคำได้อย่างชาญฉลาดแม้จะเป็นคำหรือวลีที่ไม่เคยพบมาก่อน
RankBrain จะเปลี่ยนวิธีการทำ SEO ทำให้การค้นหาคำหลักแล้วใส่ในเนื้อหาจะไม่มีผลอีกต่อไป เพราะ AI สามารถจัดอันดับหน้าเว็บตามเนื้อหาที่มีอยู่และข้อมูลที่ไม่มีในเว็บด้วยเงื่อนไขและแนวคิดที่เกี่ยวข้องซึ่งทำให้มีการเชื่อมโยงที่กว้างขึ้นและทำให้วลีคำหลักมีความสำคัญน้อยกว่าในการจัดอันดับ SERP (Search Engine Results Pages)
AI ในโลกของ SEO จึงสามารถเน้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและมีความเกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณซึ่งเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการแข่งขันที่เหนือกว่า
ระบบ AI / SEO จะช่วยให้เนื้อหารูปแบบและรูปแบบเว็บประสบความสำเร็จทั้ง SERP และกับผู้ใช้
Google ได้ปรับปรุงวิธีการค้นหาคำหลักด้วยเสียง (Voice Search) และภาพ (Visual Search) Google เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอัลกอริทึมการค้นหาเกือบทุกวันและนักการตลาดต้องตระหนักถึงสิ่งนี้และมั่นใจว่าเนื้อหาของตนจะได้รับการปรับให้เหมาะสมตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
AI ช่วยคุณทำ SEO ที่ได้ผลดีกว่าในการค้นหาอย่างไร เรามีเครื่องมือ AI / SEO ที่อยากแนะนำค่ะ
Shifu แนะนำ
เครื่องมือแนะนำ: Torch เป็นเครื่องมือทางธุรกิจ e-commerce ที่ใช้การหาข้อมูลด้วย Machine Learning และ AI ที่ทำงานโดยอัตโนมัติช่วยให้คุณประหยัดเงินและช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้น
คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่นาทีกับระบบการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและช่วยคุณสร้างเว็บไซด์จากความหยั่งรู้ของ AI
สำหรับ AI แล้วการทำเนื้อหาไม่ได้มีเพียงการเขียนบทความเท่านั้น มันยังสามารถนำบทความของคุณมาสร้างเป็นวีดีโอเนื้อหาด้วยอย่างชาญฉลาด
ถ้าอยากรู้จักกับ AI / Video Content Marketing ล่ะก็ เลื่อนลงไปต่อเลยค่ะ
Shifu แนะนำ
เครื่องมือแนะนำ: Lumen5 “A.I. powered video creation platform that turns blog posts into engaging videos” แค่อ่านสโลแกนก็ทึ่งละ และมันทำงานได้สมบูรณ์จริงๆ ด้วยนะ ที่กล้ายืนยันนั่งยันนี่เพราะได้ลองใช้มากับตัวเองตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของโปรเจกเลย จะเรียกว่าเป็นกลุ่มหนูทดลองก็คงไม่ผิด
สำหรับคอนเท้นภาษาไทยเท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการอัพโหลดวีดีโอของคุณแล้วใช้ Music และตัวเลือกอื่นๆของเขาไปก่อนจนกว่าจะมีการเพิ่มฟังชั่นใหม่ๆ ที่เขากำลังเร่งทำอยู่ค่ะ
4. AI ช่วยให้การโปรโมทสินค้าและทำโฆษณามีประสิทธิภาพ
การโปรโมทสินค้าและทำโฆษณาด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะติดตามไม่ทันได้สร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากลัว ก็เพราะได้มีการนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมการโฆษณาแล้วน่ะสิ
อย่างที่ทราบกันว่า AI จะสามารถคิดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งก็หมายความว่าหน้าที่ของผู้ลงโฆษณาในการเลือกซื้อสื่อที่เหมาะสม, การกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่เหมาะสม, การปรับแต่งความคิดสร้างสรรค์, การเพิ่มประสิทธิภาพในการเสนอราคา และหน้าที่อื่นๆ ที่นักโฆษณาสามารถทำได้ เจ้า AI ก็ทำได้โดยใช้ข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลได้แม่นยำและรวดเร็วกว่ามนุษย์ นอกจากนี้ AI ยังช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์ให้เสร็จสรรพด้วย